คำถามนี้เป็นที่สงสัยมากสำหรับว่าที่โปรแกรมเมอร์ เรามักพบคำเหล่านี้เมื่อเริ่มศึกษาแนวคิด Object Oriented Programming (OOP) ซึ่งมีหน้าที่และความหมายพอสังเขปดังนี้ครับ
- อ่านเพิ่มเติม หลักการเชิงวัตถุ
class
- ความหมาย คำสงวนที่ระบุความเป็น abstract data type หรือชนิดข้อมูลนามธรรม
- หน้าที่ ใช้นิยามชนิดข้อมูลใหม่
- ตัวอย่าง
class Student {
}
ขณะนี้เราได้นิยามชนิดข้อมูลใหม่ ซึ่งแนวคิด OOP ให้ใช้คำสงวน class เป็นตัวระบุการนิยามดังกล่าว และตั้งชื่อมันว่า Student เป็นเหตุให้ต่อไปนี้คอมไพเลอร์จะรู้จักชนิดข้อมูลชื่อ Student และสามารถนำไปสร้างเป็นออบเจ็กต์ได้ในอนาคต
static
- ความหมาย โมดิไฟเออร์ (modifier) ลักษณะหนึ่งที่ระบุความคงที่หรือเรียกว่า อพลวัต
- หน้าที่ ระบุให้สมาชิกนั้นๆ (ที่กำหนดเป็น static แล้ว) เป็นของคลาส ไม่ใช่เป็นของออบเจ็กต์
- อ่านเพิ่มเติม บทความ Java และคำ static
- ตัวอย่าง สมาชิกเมธอดที่ไม่เป็น static และเป็น static
class Student {
public String getStudentName() { }
public static String getSchoolName() { }
}
ขณะนี้เราเพิ่มสมาชิกของคลาส Student อีกสองสมาชิกซึ่งเป็นสมาชิกประเภทเมธอด (เรียกว่า เมมเบอร์ฟังก์ชัน สำหรับภาษา C++) ชื่อ getStudentName และ getSchoolName
- getStudentName ไม่เป็น static ใช้สำหรับขอดูชื่อของออบเจ็กต์นักเรียนใดๆ (อาจได้ค่าไม่เหมือนกัน)
- getSchoolName เป็น static ใช้สำหรับขอดูชื่อโรงเรียนของทุกออบเจ็กต์ที่สร้างจากคลาส Student (ได้ค่าเหมือนกันหมด)
ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อใช้หลักการเชิงวัตถุ (OOP) นักเรียนหนึ่งคนย่อมมีชื่อเป็นของตัวเอง เช่น แดง, ดำ, เขียว และอาจมีนักเรียนหลายคนที่ชื่อซ้ำกัน เมื่อมีใครคนหนึ่ง (สมมติเป็นบุคคลภายนอก) ถามว่า แดง, ดำ, เขียว สามคนนี้เรียนอยู่โรงเรียนชื่ออะไร แน่นอนว่าสามออบเจ็กต์ดังกล่าวเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน จึงตอบว่า "โรงเรียนเด็กดีวิทยาคม" (ตัวอย่าง) ครับ
public
- ความหมาย เป็นสาธารณะ
- หน้าที่ ระบุให้คลาส, สมาชิก ใดๆถูกเข้าถึงหรือเรียกใช้งานได้อย่างอิสระ
- อ่านเพิ่มเติม ความแตกต่างของโมดิไฟเออร์, ตัวอย่างการใช้โมดิไฟเออร์
void
- ความหมาย ไม่ส่งค่ากลับ
- หน้าที่ ระบุให้สมาชิกเมธอดไม่ส่งค่ากลับไป ณ จุดเรียก (ซึ่งอาจถูกเรียก ณ main หรือเมธอดใดๆ) เมธอดนั้นจะทำงานแล้วจบไป
- ตัวอย่าง เราไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ และต้องจ่ายค่าสินค้าเป็นเงิน 150 บาท เราให้เงินเขาไป 200 บาท เขาจึงทอนเงินกลับมา 50 บาท เมื่อนำพฤติกรรมนี้มาเขียนเป็นเมธอดโดยตั้งชื่อว่า calculate เราอาจออกแบบได้ประมาณนี้
public double calculate( ราคาสินค้าทั้งหมดของลูกค้า, เงินที่ได้รับจากลูกค้า ) {
return เงินที่ได้รับจากลูกค้า - ราคาสินค้าทั้งหมดของลูกค้า;
}
เพื่อนๆจะสังเกตว่าผลลัพธ์จากการคำนวน "เงินที่ได้รับจากลูกค้า - ราคาสินค้าทั้งหมดของลูกค้า" อาจเป็นทศนิยมหรือไม่ก็ได้ เราจึงเลือกใช้ชนิดข้อมูล double เป็นชนิดข้อมูลของค่าที่ส่งออกมา (ตามตัวอย่างคือ 50.00 นั่นเอง) เรียกเมธอดที่ส่งผลลัพธ์กลับออกมานี้ว่า เมธอดที่มีการคืนค่า
พฤติกรรมบางอย่างไม่ต้องการส่งผลลัพธ์กลับออกมา เราจึงระบุชนิดการส่งกลับเป็น void เรียกว่า เมธอดที่ไม่คืนค่า เช่น เรามีกระปุกออมสินน้องหมูสดใส ดังนั้นพฤติกรรมหลักๆที่เกี่ยวข้องกับมัน ได้แก่
- การหยอดเงินใส่กระปุก ตั้งชื่อว่า put
- การเอาเงินออกจากกระปุก ตั้งชื่อว่า out
เราอาจออกแบบเมธอด put ได้ประมาณนี้
public void put( จำนวนเงิน ) {
เงินสะสมทั้งหมด = เงินสะสมทั้งหมด + จำนวนเงิน;
}
ส่วนเมธอด out เป็นลักษณะส่งผลลัพธ์กลับออกมา ดังนั้นจึงไม่ขอยกตัวอย่างอีกนะครับ
ดีมากเลยครับ
ตอบลบขอบคุณ
ตอบลบ